31 ตุลาคม 2555

วิธีแก้ผมมัน ได้ผลชะงัก!


วิธีแก้ผมมัน ได้ผลชะงัก!


คุณผู้หญิงทั้งหลายที่มีอาการผมมันฟังทางนี้เลยจ้า วันนี้เรานำวิธีแก้ผมมันได้ผลชงักนักแลมาฝากกันด้วย วิธีแก้ผมมัน ต่อไปนี้จะทำให้คุณมั่นใจและไม่ต้องกลุ้มใจเมื่อเห็นสภาพเส้นผมที่มีความมันมากมายเหลือเกิน และเมื่อคุณได้้ใช้สูตร วิธีแก้ผมมัน ต่อไปนี้อาการที่ว่า สระผมตอนเช้าพอตกเย็นปุ๊บก็มีเส้นผมมันเยิ้อมจนต้องสระผมแทบทุกวันหรือคุณผู้หญิงบางคนต้องรวบผมทุกวันจนหมดโอกาสอวดผมสวยกับเค้าบ้าง ปัญหานี้จะหมดไปแล้วนะเพราะเรามี วิธีแก้ผมมัน มาให้คุณได้ลองนำสูตรไปใช้กันดู



วิธีแก้ผมมัน


เคล็ดลับก็ง่าย ๆ ค่ะ เพียงแค่คุณนำวุ้นของว่านหางจระเข้ 1 ช้อนโต๊ะ มาบดละเอียดผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา แล้วนำไปสระผมโดยนวดให้ทั่วเส้นผม จากนั้นล้างออกด้วยแชมพูสระผมตามด้วยครีมนวดแล้วล้างออกจนสะอาดเช็ดผมให้แห้ง เพียงเท่านี้ก็เป็นเสร็จเรียบร้อยค่ะ


เห็นไหมค่ะว่า วิธีแก้ผมมันของเราเป็นเคล็ดลับที่สุดแสนจะง๊าย..ง่าย ที่ใช้เพียงสมุนไพรธรรมชาติที่หาซื้อได้ง่าย ๆ แต่ให้ผมสวยที่คุ้มค่ามากมายทีเดียวค่ะ แล้วอย่าลืมลองนำวิธีแก้ผมมันของเราไปใช้กันดูนะจ๊ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก woman's ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

คอเคล็ดทำไงดี? วิธีแก้อาการคอเคล็ด อยู่นี่แล้ว!


คอเคล็ดทำไงดี? วิธีแก้อาการคอเคล็ด อยู่นี่แล้ว!

สำหรับใครที่กำลังเจอกับปัญหาคอเคล็ดทำไงดี? อยู่ในขณะนี้หรือว่าที่เคยเป็นมาแล้วก็ตามที แต่วันนี้เรามีวิธีแก้อาการคอเคล็ดมาบอกกันค่ะ อาการคอเคล็ดนี้ถือได้ว่าเป็นอาการป่วยที่สร้างความทรมานเล็กๆ น้อยๆ ให้กับใครหลายๆ คนเป็นอย่างมาก และโดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงานอาจทำให้ขาดความคล่องตัวและแถมยังต้องมาค่อยกังวลและระวังกับอาการปวดที่เกิดขึ้นตามมา ต้องมานั่งทำงานแบบเจ็บๆ ปวดๆ จะหันซ้ายก็อยากจะหันขวาก็ทรมาน วันนี้เราก็เลยได้นำเอาคำถามที่หลายคนอยากรู้กับ คอเคล็ดทำไงดี? และเรามี วิธีแก้อาการคอเคล็ด มาบอกให้ได้รู้กันค่ะ สำหรับ วิธีแก้อาการคอเคล็ด ของเราในวันนี้รับรองว่าจะช่วยบรรเทาอาการคอเคล็ดที่แสนจะทรมานให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ ว่าแล้วเราก็เข้าไปทำตามวิธีแก้อาการ กับคำถามที่ว่า คอเคล็ดทำไงดี? ที่สำคัญวิธีแก้อาการคอเคล็ดยังเป็นแบบวิธีพื้นบ้านกันเลยดีกว่ามั้ยค่ะรับรองว่าหายแน่ๆ



4 วิธีแก้อาการคอเคล็ด

1. นวด

ให้บีบนวดบริเวณแนวของกล้ามเนื้อที่รู้สึกปวดเมื่อย เพื่อเป็นการคลายกล้ามเนื้อหรือนอนราบเพื่อให้กล้ามเนื้อคอได้พัก

2. น้ำร้อนบรรเทา

ใช้กระเป๋าน้ำร้อนหรือผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณกล้ามเนื้อคอที่เคล็ดแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นนวดเบาๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว



3. ดันศีรษะให้ตึง

ใช้มือช่วยดันศีรษะไปในทิศทางที่เกิดอาการตึงช้าๆ จนรู้สึกตึงเล็กน้อย ดันค้างไว้ประมาณ 10-15 วินาที ทำซ้ำ 5-10 ครั้ง จนรู้สึกว่าอาการทุเลาลง

4. ทานยารักษาโดยเฉพาะ

ให้รับประทานยาจำพวกคลายกล้ามเนื้อ คลายเส้นประสาท เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น


ขอขอบคุณข้อมูลจาก woman story ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

วิธีแต่งหน้าออกงานกลางคืน "พร้อมคลิปวีดีโอสอนการแต่งหน้าออกงานกลางคืน"


วิธีแต่งหน้าออกงานกลางคืน "พร้อมคลิปวีดีโอสอนการแต่งหน้าออกงานกลางคืน"

คุณผู้หญิงที่ชอบออกงานสังสรรค์ยามค่ำคืนฟังทางนี้เลยจ้า เพราะวันนี้เรานำวิธีแต่งหน้าออกงานกลางคืนมาฝากกันด้วยนะ และเราก็มาพร้อมคลิปวีดีโอสอนการแต่งหน้าออกงานกลางคืนเพื่อให้คุณผู้หญิงสามารถแต่งหน้าด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ กันเลยทีเดียวค่ะ ด้วย ขั้นตอนการแต่งหน้าออกงานกลางคืน ที่คัดสรรค วิธีแต่งหน้าออกงานกลางคืน แบบง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณผู้หญิงสวยโดดเด่นและเปล่งประกายและต้องดูโดดเด่นมาก ๆ แน่ ๆ เลยค่ะ ว่าแล้วเราก็มาเริ่มฝึก วิธีแต่งหน้าออกงานกลางคืน ไปพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ


คลิปวีดีโอ วิธีแต่งหน้าออกงานกลางคืน




เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะกับคลิปวิธีแต่งหน้าออกงานกลางคืนที่เราได้นำมาฝากคุณผู้หญิงกันในวันนี้ หวังว่าคงจะถูกใจสาว ๆ ที่ชอบออกงานสังสรรค์กันนะค่ะ แล้วคร่าวหน้าเราจำนะ วิธีการแต่งหน้าออกงานกลางคืน แบบไหนมาฝากกันอีกก็อย่าลืมที่จะติดตามกันด้วยนะค่ะ สุดท้ายนี้ก็อย่าลืมไปลองฝึกวิธีแต่งหน้าออกงานกลางคืนให้สนุกสนานกันด้วยนะค่ะ

ขอขอบคุณคลิปวิดีโอจาก youtube.com ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

6 อาหารเสริมบำรุงผิว


6 อาหารเสริมบำรุงผิว


อยากมีผิวสวยเนียนกระชับวันนี้เรามีตัวอย่างอาหารเสริมบำรุงผิวมาฝากคุณผู้หญิงทั้งหลายที่ใส่ใจในผิวพรรณและสุขภาพค่ะ 6 อาหารเสริมบำรุงผิว ที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนอกจากจะทำให้คุณมีผิวพรรณเปล่งปลั่งดูสุขภาพดีจากข้างในแล้วยังช่วยให้ผิวของคุณขาวขึ้นอย่างได้ผลจนคนรอบข้างอาจจะสะดุดตาไปเลยค่ะ




อาหารเสริมบำรุงผิว


และด้วยคุณสมบัติดังกล่าวที่มีอยู่ในอาหารเสริมเพื่อผิวสวยชั้นนำทรงประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็วกว่าในการลดริ้วรอยหมองคล้ำเหี่ยวย่น พร้อมกับบำรุงผิวให้ขาวเนียน เปล่งปลั่ง กระจ่างใส ดูอ่อนวัย มีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน สารอาหารสำคัญที่มีคุณค่าจำเป็นต่อการบำรุงผิวครบถ้วนทั้ง 6 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น

1. โปรตีนจากปลาทะเลลึก (Marine Protein) 
แถบประเทศนอร์เวย์ประกอบด้วยอณูอะมิโนจำเป็นต่อร่างกาย 18 ชนิด และมีอณูอะมิโนชนิดพิเศษคือ Peptoaminoglycan ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอิลาสตินทั้งด้านปริมาณและคุณภาพอันจะช่วยให้ผิวแต่งตึง เปล่งปลั่ง กระชับ เรียบเนียน และนวลนุ่มชุ่มชื่น

2. โคเอ็นไซม์คิวเทน (Coenzyme Q 10) 
สารอาหารช่วยเสริมพลังงานให้กับเซลล์ผิวต้านอนุมูลอิสระต้นเหตุของการเสื่อมสภาพและแก่ก่อนวัยของเซลล์ต่าง ๆ ทั้งยังช่วยลดและชะลอริ้วรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยที่เกิดจากแสงแดดช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์สดใสมีชีวิตชีวา

3. สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส (French Maritime Pine Bark)เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างยิ่งยวด (Super Antioxidant) ช่วยต้านความชราของผิวพรรณยับยั้งการเกิดเม็ดสีที่ผิดปกติต้นเหตุของฝ้า กระ ความหมองคล้ำ ทำให้ผิวขาวเนียนสดใส และมีเลือดฝาด

4. วิตามินซี (Vitamin C) 
สารต้านอนุมูลอิสระลดอาการหมองคล้ำ ความร่วงโรย เสริมสร้างปริมาณและความแข็งแรงของคอลลาเจน ช่วยให้โครงสร้างผิวพรรณแข็งแรงสุขภาพดีมีความยืดหยุ่นกระชับและขาวเนียนใส

5. วิตามินอี (Vitamin E) 
สารต้านอนุมูลอิสระอีกตัวหนึ่งยับยั้งความเสื่อมชราของเซลล์ต่าง ๆ ช่วยให้ผิวพรรณเนียนนุ่มชุ่มชื่น สดใสและดูอ่อนวัย

6. สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract) มีสาระสำคัญคือ คาเตซินช่วยต้านอนุมูลอิสระทำให้กลไกในการฟื้นฟูสภาพผิวทำงานได้ดีสามารถขับถ่ายและล้างพิษออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น


เตรียมผิวสวยทุกครั้ง
ผู้หญิงทุกคนก็คงอยากจะอวดผิวสาวที่ขาวนวล เปล่งปลั่ง เรียบเนียน และมีชีวิตชีวาแก่สายตาทุกคู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว  เพียงรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมทั้ง 6 ชนิดดังที่กล่าวมา ร่วมกับกฎเหล็กในการดูแลความงามเหล่านี้

- อาบน้ำทุกเช้า-เย็น เพื่อปลุกเซลล์ผิวให้ตื่นตัวเปล่งปลั่ง

- ทามอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดขณะผิวหมาดจะทำให้โลชั่นซึมซาบสู่ผิวได้ดี

- กันหรือถอนคิ้วหลังอาบน้ำผิวจะอ่อนนุ่มรูขุมขนเปิดกว้างช่วยให้ถอนได้ง่ายขึ้น

- ลงรองพื้น 10 นาทีหลังอาบน้ำ เพราะน้ำมันตามธรรมชาติจะซึมออกจากผิวนิด ๆ ช่วยให้เกลี่ยรองพื้นได้ง่ายขึ้น

- แต่งตาควรปัดมาสคาร่าเป็นอันดับแรก เมื่อขนตาดูเข้มจะทำให้ใช้อายแชโดว์น้อยลงใบหน้าก็จะดูงดงามเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น

- ทาครีมบำรุงช่วงเวลา 3-4 ทุ่ม เป็นเวลาที่ผิวซ่อมแซมตัวเองรูขุมขนเปิดกว้างช่วยให้เนื้อครีมและโลชั่นซึมสู่ผิวได้ดีกว่าปกติ

- สร้างวินัยในการออกกำลังกาย หาเวลาทำกิจกรรมหรือออกกำลังกาย 15-30 นาทีทุกวัน

- ควบคุมการรับประทานให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หลักง่าย ๆ ก็คือในแต่ละมื้อควรมีผักและผลไม้อยู่ครึ่งหนึ่งของอาหารที่รับประทานและดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว

- พักผ่อนเพียงพอ ด้วยการนอนหลับลืมเรื่องราวความเครียดต่าง ๆ ก่อนเข้านอนสงบจิตใจด้วยการละวาง

และเพียงแค่ 4 สัปดาห์แรก คุณก็จะสามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงจากผิวที่เคยหมองคล้ำแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น สู่ผิวที่ขาวเนียนสดใสเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลแลดูอ่อนวัยได้อย่างชัดเจน



ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

เคล็ดลับ การดูแลเล็บมือ VS มือนุ่ม




เคล็ดลับ การดูแลเล็บมือ VS มือนุ่ม

วันนี้เรามีเคล็ดลับการดูแลเล็บมือและทำให้มือของคุณนุ่มขึ้นค่ะ การดูแลเล็บมือ จัดว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เลยสำหรับผู้หญิงอย่างเรา แต่ก็มีคุณผู้หญิงบ้างท่านที่มีปัญหา เล็บอ่อน เล็บหักง่าย จะไว้เล็บยาวก็ไม่ได้เหมือนชาวบ้านเค้า หรือคุณผู้หญิงบางคนก็ยังมีผิวที่ไม่สมดุลทั้งหยาบกร้าน แห้ง อีกต่างหาก หรือคุณผู้หญิงบ้างคนเกิดปัญาทั้งเล็บทั้งมือคงกลุ้มใจแต่ แต่ไม่เป็นไรแล้วนะเพราะเรามี เคล็ดลับ การดูแลเล็บมือ VS มือนุ่ม มาฝากคุณผู้หญิงแล้วค่ะ ต่อไปนี้คุณหญิงทั้งหลายก็จะได้มีมือที่เนียนนุ่มน่าจับแถมยังมีเล็บสวยแข็งแรงสุขภาพดีอีกต่างหาก



การดูแลเล็บมือ VS มือนุ่ม


เพียงใช้น้ำมันมะกอกที่เรานำมาหมักผมนี่แหละ กะปริมาณสัก 1 ใน 4 ของขวด จากนั้นนำมาผสมน้ำอุ่นจัดสักประมาณครึ่งลิตร นำมือลงไปแช่ข้างหนึ่งก่อน แล้วมืออีกข้างก็คอยนวดเล็บนวดนิ้วทีละข้าง เมื่อครบ 10 นาที ก็สลับมืออีกข้าง ทำเป็นประจำมือเนียนนุ่มกับเล็บแข็งแรงไม่หนีไปไหนแน่ ๆ อ้อ...ลองกินอาหารพวกตับ นม ไข่แดง เสริมด้วยก็ดีจ้า 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก คมชัดลึก ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

วิธีแก้ส้นเท้าแตก ... หมด! "ปัญหาส้นเท้าแตก"




วิธีแก้ส้นเท้าแตก

ปัญหาส้นเท้าแตกส่วนใหญ่มักเกิดจากรองเท้าแตะแบบหนีบหรือรองเท้าเปิดส้น เพราะการที่ใส่รองเท้าพวกนี้เป็นเวลานานๆ ผิวหนังตรงบริเวณส้นเท้าจะถูกเสียดสี จึงทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นค่อยๆ แข็งและหนาขึ้น จนทำให้เกิดการแห้งแตกในที่สุด


วิธีแก้ส้นเท้าแตก คือ เริ่มจากการทำความสะอาดเท้าให้เรียบร้อย จากนั้นนำเปลือกกล้วยหอมมาถูตรงบริเวณส้นเท้าที่แตก ถูไปถูมาแล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด เสร็จแล้วเช็ดให้แห้งพร้อมกับทาครีมบำรุงส้นเท้า วิธีนี้ควรจะทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง

ขอขอบคุณข้อมูลการดูแลผิวสวยผิวขาวจาก สสส. ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

สูตร! ขัดริมฝีปาก "เพื่อริมฝีปากสวยใส"


สูตร! ขัดริมฝีปาก "เพื่อริมฝีปากสวยใส"

หันมาใส่ใจริมฝีปากให้มากขึ้นด้วยการขัดริมฝีปากกันดีกว่าค่ะ หากว่าริมฝีปากแห้งแตกอาจจะดูไม่ค่อยหน้ามองมากนักค่ะ และวันนี้เราก็มี สูตร ขัดริมฝีปาก มาฝากคุณผู้หญิงกันอีกด้วยค่ะ ให้คุณผู้หญิงได้ไปลองฝึก ขัดริมฝีปาก แบบง่าย ๆ กันเลยทีเดียวค่ะ สำหรับ สูตรขัดริมฝีปาก นี้ก็ยังเป็นสูตรธรรมชาติที่เรานำมาฝากกันอีกเช่นเคยค่ะ คุณผู้หญิงรู้ไหมค่ะว่าริมฝีปากนั้นคุณผู้ชายเองก็ชอบแอบมองเป็นอันดับต้น ๆ เหมือนกันนะค่ะ ถ้าหากอยากให้ริมฝีปากสวยใสก็ต้องมาลองใช้สูตร! ขัดริมฝีปาก "เพื่อริมฝีปากสวยใส" สูตรนี้กันเลยนะค่ะ




สูตร! ขัดริมฝีปาก


เริ่มจาก ผสมน้ำมันมะกอกหนึ่งช้อนชาเข้ากับน้ำผึ้งหนึ่งช้อนชา น้ำตาลทรายสองช้อนชา และน้ำมะนาวสดอีกเล็กน้อย คนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนได้เป็นเนื้อทรายข้น ๆ 

จากนั้น ใช้นิ้วหรือแปรงสีฟันถูส่วนผสมนั้นลงบนริมฝีปากเบา ๆ สักสองสามนาที แล้วล้างน้ำออกคุณก็จะได้ริมฝีปากที่เนียนนุ่มขึ้น โดยไม่ต้องทุ่มเงินซื้อผลิตภัณฑ์ราคาแพง ๆ ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

เคล็ดลับ วิธีดูแลผิวสวย "หลังแวกซ์ขน"



เคล็ดลับ วิธีดูแลผิวสวย "หลังแวกซ์ขน"

เรื่องแวกซ์ขนดูจะเป็นเรื่องที่คุณผู้หญิงหลายคนคงจะต้องเผชิญแต่เราจะมีการดูแลผิวสวยหลังแวกซ์ขนได้อย่างไร วันนี้เรามีเคล็ดลับดูแลผิวสวย หลังแวกซ์ขน มาฝากด้วยค่ะ เพราะมีคุณผู้หญิงหลาย ๆ ท่านที่เมื่อแวกซ์ขนเสร็จแล้วอาจะมีอาการผื่นแดงหรือมีอาการแสบร้อน หลังแวกซ์ขน เสร็จ ฉะนั้นเพื่อช่วยรักษาและดูแลผิวสวยของคุณให้เนียนเกลี้ยงเกลาหลังการแวกซ์ขนเราจึงมีวิธีดูแลผิวสวยมาแนะนำกันในวันนี้ค่ะ ด้วย วิธีดูแลผิวสวย "หลังแวกซ์ขน" นี้จะช่วยให้คุณผู้หญิงนั้นลดอาการปวดแสบปวดร้อนและอาการผื่นแดงหลังจากการแวกซ์ขนค่ะ



วิธีดูแลผิวสวย "หลังแวกซ์ขน"


- ลดอาการเจ็บปวดด้วยการใช้ก้อนน้ำแข็งคลึงบริเวณที่เป็นปัญหาจะช่วยลดอาการแสบร้อนได้ นอกจากนี้การแต้มเจลว่านหางจระเข้นอกจากจะช่วยลดอาการเจ็บปวดแล้วยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณนั้นด้วย

- ป้องกันการอักเสบ ขจัดรอยแดงและอาการคันด้วยครีมคอร์ติโซน (ครีมทาแก้แพ้) ซึ่งได้ผลชะงัด

- ครั้งต่อไปก็อย่าลืมบอกช่างแว็กช์ขนให้รู้ว่าคุณมักมีผื่นแดงขึ้นหลังแว็กซ์ขนเพื่อจะได้ระวังไม่ให้ขึ้ผึ้งร้อนเกินไป หรืออาจใช้ผลิตภัณฑ์แว็กซ์ขนสูตรอื่นที่ทำขึ้นสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

- ถ้าเกิดติดเชื้อหรือมีอาการหนักก็ต้องรีบไปพบแพทย์ แต่ถ้าอาการไม่ค่อยรุนแรงนักก็มองหาวิตช์ ฮาเซล หรือน้ำมันที-ทรี ซึ่งช่วยเยียวยาอาการอักเสบเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

7 เคล็ดลับ "เท้าสวย" ไร้กลิ่น




7 เคล็ดลับ "เท้าสวย" ไร้กลิ่น

หญิงสาวหลายคนหากมีเท้าไม่สวยไม่หน้ามองคงจะกังวลแย่ เพราะคุณรู้ไหมว่า หนุ่ม ๆ บ้างคนนั้นเข้าแอบดูเท้าสวย ๆ ของคุณอยู่ด้วยนะ การมี เท้าสวย นั้น นอกจากจะดูแล้วเป็นผู้หญิงที่ใส่ใจกับเรือนร่างของตัวเองแล้วยังดูเป็นสาวที่สะอาดสะอานอีกด้วยค่ะ เอาว่าหากคุณผู้หญิงอยากให้เท้าของตัวเองสวยล่ะก็มาฟัง 7 เคล็ดลับ "เท้าสวย" ไร้กลิ่น กันเลยค่ะ


วิธี เท้าสวย


1. จะเข้าใจว่าศัตรูของเท้าไม่ใช่ความแห้งแต่เป็นกลิ่น ดังนั้นไม่ควรหมักหมมเท้าไว้ในรองเท้าให้นานเกินไป ควรหาเวลาถอดเพื่อระบายเหงื่อหรือใช้สเปรย์แป้งเพิ่มความสดชื่นให้แก่เท้าอยู่เสมอ


2. เวลาล้างเท้าควรล้างอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะบริเวณแต่ละง่ามนิ้วเท้าควรใช้สบู่เด็กหรือผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาด โดยเฉพาะเพราะบริเวณนั้นเป็นแหล่งรวมของเชื้อราเลยทีเดียว จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด


3. ควรประณีตกับการล้างเท้าสักหน่อย โดยการใช้ ?หินลอย? (Pumice Stone) มาขัดหนังที่แข็งกระด้างออกและไม่ลืมที่จะใช้เวลาในการเช็ดเท้าให้แห้งสนิทมากที่สุดด้วย



4. แล้วเมื่อเท้ามีอาการปวดเมื่อยจากการเดินหรือวิ่งก็ตาม ง่าย ๆ เลยเพื่อระงับความปวดเมื่อยคือ การนำเท้าไปแช่น้ำอุ่น (ผสมเกลือ) สัก 10-15 นาทีแล้วยกออก ตามด้วยการจุ่มน้ำเย็นสัก 1-2 นาที ก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและยังทำให้ผิวเท้านุ่มขึ้นอีกด้วย


5. เมื่อมีเวลาว่างเมื่อใดก็ควรนำเท้าไปนวดครีมหรือนวดน้ำมัน เพื่อรักษาผิวให้มีความชุ่มขึ้นอยู่เสมอ


6. ไม่ควรใส่รองเท้าที่คับจนเกินไป เพราะนอกจากจะสร้างความเจ็บปวดแล้วยังทำให้เกิดแผลและตาปลาอีกด้วย


7. ไม่ควรทำเล็บที่ร้านเสริมสวยหรือใช้เครื่องมือของทางร้าน เพื่อป้องกันความสกปรกหรือโรคผิวหนังที่จะติดมากับเครื่องมือเหล่านั้น (ทำด้วยตัวเองดีที่สุด)


ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ first ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

ทางออก! ปัญหาผิวพรรณ "ของสาวออฟฟิศ"






ทางออก! ปัญหาผิวพรรณ "ของสาวออฟฟิศ"

แม้ว่าในสำนักงานหรือที่ทำงานของคุณจะสะดวกสลายเพียงใดแต่ทำไมคุณยังคงมีปัญหาผิวพรรณอยู่ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ ส่งผมต่อผิวพรรณของคุณทำให้เกิดเป็น ปัญหาผิวพรรณ ขึ้นมา ทำให้ผิวพรรณของคุณ ดำคล้ำ เกิดกระ เกิดฝ้า โดยที่คุณไม่รู้ตัว ฉะนั้นวันนี้เราจะพาสาวออฟฟิศทั้งหลายมาพบกับทางออกและจบปัญหาผิวพรรณที่ไม่ดีไปซะ


ปัญหาผิวพรรณ


- รังสีจากเครื่องถ่ายเอกสาร


พนักงานที่ทำงานใกล้ชิดกับเครื่องถ่ายเอกสารตลอดทั้งวัน อาจได้รับแสงยูวีที่ปล่อยออกมาจากหลอดไฟพลังงานสูงผนวกกับความร้อนจากเครื่องถ่ายเอกสารเสี่ยงต่อการเกิดกระฝ้าได้รวมทั้งแสงวาบที่เข้าตาก็อาจทำให้ปวดตาและปวดศีรษะได้ ดังนั้นจึงควรปิดฝาครอบเครื่องถ่ายเอกสารให้สนิททุกครั้งที่ถ่ายเอกสาร นอกจากนี้ไอน้ำหมึกที่ระเหยออกมาก็ทำให้เกิดอาการเวียนหัวได้ ดังนั้นจึงไม่ควรตั้งเครื่องถ่ายเอกสารไว้ในที่ ๆ ไม่มีอากาศถ่ายเท วิธีแก้ไขคือ ควรแยกห้องเฉพาะซึ่งมีการระบายอากาศที่เหมาะสมหรือติดตั้งพัดลมดูดอากาศ


- แสงจากหลอดไฟอ่านหนังสือ


หลอดไส้ (หลอดทังสเตน) เป็นหลอดไฟที่ปลอดภัยจากรังสียูวีแต่จะให้ความร้อนสูงพอควร เราไม่ควรอยู่ใกล้หลอดไฟเกินไปเวลาใช้งานเพราะหลอดไฟทำให้เกิดความร้อนกับหน้าได้มาก ต้นเหตุของความร้อนคือรังสีอินฟราเรดซึ่งมีส่วนในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเมลานินและอาจทำให้หน้าเกิดกระได้

หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ก็ถือว่าเป็นหลอดไฟที่ปลอดภัย เพราะปลดปล่อยรังสียูวีเอซึ่งเป็นสาเหตุของกระฝ้าออกมาในระดับที่ปลอดภัย แต่ไม่ควรเข้าไปใกล้มากกว่า 100 ซม. และไม่ควรอยู่ในบริเวณที่มีหลอดไฟเหล่านี้หลาย ๆ หลอดเป็นเวลานาน อย่างเช่น บริเวณหน้าตู้โฆษณา ตู้โชว์สินค้า โต๊ะเขียนแบบ



วิธีการใช้หลอดไฟเพื่อให้ความสว่างอย่างปลอดภัยในการอ่านหนังสือหรือทำงานดึกคือ ให้ส่องไฟไปที่ผนังสีขาวแล้วให้แสงไฟสะท้อนกลับมาเป็นแสงทุติยภูมิ แสงจะนวลตาและช่วยถนอมสายตารวมถึงลดความร้อนจากการสัมผัสผิวหน้าทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระได้ นอกจากนี้ควรปรับความเข้มแสงให้เหมาะสมกับงาน เช่น งานเขียนหนังสือควรติดตั้งให้แสงมีความสว่างประมาณ 100-200 ลักซ์ สำนักงานควรมีความสว่างประมาณ 500-1000 ลักซ์


- แสงจากหลอดไฟเมทัลเฮไลด์ (Metal Halide Lamp)


หลอดไฟส่องสินค้า ไฟประดับ ไฟเวที รวมไปถึงหลอดไฟในอุปกรณ์ไฮเทค อย่างเช่น เครื่องฉายแผ่นใส เครื่องฉายแอลซีดี ส่วนใหญ่ทำมาจากหลอดไฟฮาโลเจนหรือหลอดไฟ Metal Halide สำหรับหลอดฮาโลเจน การปลดปล่อยรังสียูวีจะอยู่ในระดับที่ปลอดภัยแต่สำหรับหลอดแบบเมทัลเฮไลด์ ารปล่อยรังสียูวีเอจะค่อนข้างเข้มข้น การทำงานที่อยู่ในแนวของแสงที่มาจากหลอดไฟชนิดนี้เป็นเวลานานมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดกระฝ้าได้ ถ้าไม่แน่ใจว่าตัวอุปกรณ์ต่าง ๆ ใช้หลอดไฟแบบไหน กฎง่าย ๆ คือสาวออฟฟิศควรหลีกเลี่ยงการทำงานใกล้กับแหล่งกำเนิดแสงที่มีความสว่างมาก ๆ เป็นเวลานาน 


- การแผ่รังสีจากคอมพิวเตอร์


โดยทั่วไปผู้ผลิตสินค้าจะควบคุมคุณภาพสินค้าให้มีการปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทางด้านข้างและด้านหลังจอคอมพิวเตอร์จะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมามากกว่าทางด้านหน้าจอ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานทางด้านข้างและด้านหลังจอภาพคอมพิวเตอร์เพื่อป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปในร่างกายซึ่งเป็นที่ถกเถียงในวงการ วิชาการและการแพทย์ว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้ โดยทั่วไปสาวออฟฟิศควรนั่งห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 14-24 นิ้ว และห่างด้านข้างและด้านหลังจอมากกว่า 24 นิ้ว หรือไม่ก็บอกให้เจ้านายเปลี่ยนมาใช้จอแบนแบบแอลซีดีหรือโน๊ตบุคแทน




- ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ


สาว ๆ ที่ต้องอยู่ในสำนักงานเย็นฉ่ำเป็นประจำอาจประสบปัญหาผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นได้ สำหรับคนที่ผิวแห้งอยู่แล้วเพราะไขมันใต้ผิวหนังมีน้อยจะยิ่งสูญเสียน้ำออกไปมากกว่าคนผิวมันที่มีไขมันใต้ผิวหนังช่วยป้องกัน การสูญเสียน้ำในภาวะผิวแห้งจะปรากฏลักษณะเป็นเส้นเล็กบนผิวชั้นบนสุดจากการขาดน้ำเป็นริ้วรอยชนิดรอยย่นแบบตื้นมักปรากฏบริเวณผิวอ่อนรอบดวงตาหรือข้างแก้ม ดังนั้นควรทามอยเจอร์ไรเซอร์หรือดื่มน้ำสะอาดบ่อย ๆ และควรระวังเชื้อราที่จะเกิดขึ้นและฟุ้งกระจายอยู่ในห้องจากเครื่องปรับอากาศ (ที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดหรือไม่มีระบบระบายอากาศที่เหมาะสม) ด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Health&Cuisine ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

แป้งพัฟแตกทำไงดี? ... ทางออกอยู่นี่แล้ว!!!



สาวๆ คนไหนที่เคยเจอกับปัญหาแป้งพัฟแตกและไม่รู้ทางออกต้องฟังทางนี้นะค่ะ เคยไหมค่ะที่เวลาเราซื้อแป้งพัฟมาแล้วมันตกอะไรประมาณนี้อะ โดยปกติแล้วแป้งพัฟจะมีความหนาไม่เกิน 1/4 นิ้ว หากว่าเราทำตกหรือว่าทำกระแทกเนื้อแป้งก็จะแตก หรือแม้กระทั้งอุณหภูมิก็สามารถทำให้เนื้อของเครื่องสำอาง อาทิ อายแชโดว์ บลัชออน แตกได้เช่นกัน งั้นวันนี้เราลองมาดูทางออกของการแก้ปัญหา แป้งพัฟแตก ที่เรานำมาบอกให้รู้กันในวันนี้ดีกว่านะค่ะว่าจะสามารช่วยแก้ปัญหาให้คุณสาวๆ ได้ขนาดไหนค่ะ สำหรับทางออกของปัญหา แป้งพัฟแตก นี้จะเป็นวิธีที่ง่ายจนคุณสาวๆ ทั้งหลายนึกไม่ถึงอย่างแน่นอค่ะ เอาหล่ะค่ะสาว คนไหนที่ตอนนี้กำลังเสียดายแป้งพัฟที่แตกแล้วคิดว่าจะทิ้ง คุณลองเข้าไปทำตามวิธีแก้แป้งพัฟแตกของเราในวันนี้ดูนะค่ะ แล้วปัญหาแป้งพัฟแตกจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณก็สามารถแก้ไขได้


วิธีแก้ แป้งพัฟแตก

1. แก้ไขได้โดยเติมแอลกอฮอล์เช็ดแผลลงไปในตลับและใช้มีดช่วยเกลี่ยเนื้อแป้งให้กลับเข้ารูปดังเดิมปล่อยให้แห้งสนิทก่อนใช้

2. ถ้ามันแตกเกินกว่าจะเยียวยาก็ทำให้มันป่นเป็นผงซะเลย แล้วเปลี่ยนมาใส่ตลับหรือขวดที่มีฝาปิดและคุณก็สามารถใช้มันต่อได้แบบเดียวกับแป้งฝุ่น

สำหรับการป้องกันยามเดินทาง วางสำลีแผ่นลงบนอายแชโดว์ บลัชออน หรือแป้ง ก่อนปิดฝา มันจะช่วยดูดซับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นได้และเก็บไว้ในที่แห้งและเย็นเพื่อรักษาสภาพเนื้อเครื่องสำอางเอาไว้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก คู่หูเดินทาง ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

"ดื่มนม" ช่วยลดความอ้วน ... ได้น๊าาา

"ดื่มนม" ช่วยลดความอ้วน เกร็ดเรื่องน่ารู้ที่ไม่อยากให้สาวๆ พลาดแม้แต่วินาทีเดียวเลยนะค่ะ ความอ้วนกับผู้หญิงเป็นสิ่งที่อยู่ร่วมกันไม่ได้จริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ความอ้วนมักจะมาวนเวียนอยู่ในตัวของเรามากมายขนาดนี้ ไม่ว่าจะหาวิธีไหนๆ หรือวิธีใดๆ ก็มากำจัดความอ้วนให้หายไปได้สักที่ เป็นเหตุให้สาวๆ ถึงกับเคลียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ความมั่นใจหายไปเกินครึ่ง เป็นอะไรที่แย่จริงๆ เลยว่ามั้ยค่ะ แต่วันนี้ค่ะ 

นอกจาก ดื่มนม จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้วการ ดื่มนม ยังช่วยลดความอ้วนได้อีกด้วย รู้ขนาดนี้แล้วอย่าลืมไปหาซื้อนมมาแช่ตู้เย็นไว้ได้เลยนะค่ะ






"ดื่มนม" ช่วยลดความอ้วน

ถ้าหากใครที่กำลังจะหันมาดื่มนมเพื่อลดน้ำหนักแล้วล่ะก็ ควรจะคำนึงถึงปริมาณแคลเซียมและโปรตีนที่จะได้รับจากการดื่มนมชนิดนั้นๆ ด้วย ซึ่งควรเลือกชนิดที่ให้แคลเซียมและโปรตีนสูง แต่ให้พลังงานต่ำ เช่น นมพร่องไขมัน นมขาดมันเนย หรือโยเกิร์ตพร่องไขมัน เป็นต้น ที่สำคัญต้องเลือกแบบรสธรรมชาติ หรือรสจืดมากกว่ารสอื่นๆ เพราะมีการปรุงแต่งหรือเติมน้ำตาลในประมาณที่น้อย และปริมาณแคลเซียมในนมแต่ละชนิดก็ไม่เท่ากัน

โดยในนมขาดไขมันที่ให้พลังงาน 110 แคลอรี จะให้แคลเซียม 373 มิลลิกรัม, โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 120 แคลอรี ให้แคลเซียม 189 มิลลิกรัม, นมเปรี้ยวพร่องมันเนย 140 แคลอรี ให้แคลเซียม 114 มิลลิกรัม, นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 70 แคลอรี และมีแคลเซียม 54 มิลลิกรัมค่ะ

นอกจากนี้แร่ธาตุในนมอย่างฟอสฟอรัสและแมกนีเซียม ก็ยังมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขัดขวางการสร้าง หรือสะสมไขมันของร่างกาย ส่วนโปรตีนก็ช่วยเสริมกล้ามเนื้อและเพิ่มอัตราในกระบวนการเมตาบอลิซึ่มได้ มากขึ้นอีกด้วยค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลวิธีลดความอ้วนจาก woman's ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

วิธีการแต่งหน้าแบบพาสเทล "พร้อมคลิปวีดีโอสอนการแต่งหน้าแบบพาสเทล"

วันนี้จะมาแนะนำวิธีการแต่งหน้าของสาวเกาหลีให้คุณสาวๆ กันกับวิธีการแต่งหน้าแบบพาสเทล สำหรับ วิธีการแต่งหน้าแบบพาสเทล ของเราในวันนี้มาในแบบสไตล์เกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยมมากๆ เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ชอบสไตล์ วิธีการแต่งหน้าแบบพาสเทล อย่างมากมากค่ะ เพราะเป็นการแต่งหน้าในโทนสีเรียบๆ ไม่ฉูดฉาดแต่จะมีความโดนเด่นในโทนสีค่ะ และที่สำคัญเป็นแบบสไตล์ของสาวๆ เกาหลี รับรองว่า วิธีการแต่งหน้าแบบพาสเทล นี้จะเป็นประโยชน์และเป็นตัวช่วยที่ดีในการแต่งหน้าของสาวๆ ได้อย่างแน่นอนค่ะ


คลิปวีดีโอสอน วิธีการแต่งหน้าแบบพาสเทล




เป็นยังงัยบ้างค่ะสำหรับวิธีการแต่งหน้าแบบพาสเทลชอบไหมหล่ะค่ะ เป็นการแต่งหน้าที่ดูเป็นธรรมชาติแต่มีสไตล์มากๆ และเชื่อว่าสาวๆ จะเรียนรู้ได้ไวอีกด้วยซึ่งคุณสาวๆ จะได้เรียนรู้ขั้นตอนการแต่งหน้าแบบเน็ตๆ กันเลยทีเดียวค่ะ วิธีการแต่งหน้าแบบพาสเทลไม่ยากอย่างที่คิดเลยใช่มั้ยค่ะ แถมสียังดูเป็นธรรมชาติทำให้แต่งหน้าออกมาแล้วดูไม่เว่อร์ แต่ก็ยังดูดีมากๆ อีกด้วย และยังเป็นอีกหนึ่งการแต่งหน้าในแบบสไตล์เกาหลีขนาดนี้ สาวๆ จะพลาดได้อย่างไรจริงไหมค่ะ แต่ยังงัยก็อย่าแต่งหน้าแบบพาสเทล จนลืมนัดของเรานะค่ะ เพราะในครั้งหน้าเราก็ยังมีสไตล์การแต่งหน้าแบบอินเทรด์ๆ พร้อมคลิปวิดีโอสอนการแต่งหน้าแบบง่ายๆ มาให้สาวๆ ได้เรียนรู้การแต่งหน้าด้วยตัวเองที่บ้านกันอีกด้วยนะค่ะ

ขอขอบคุณคลิปวิดีโอวิธีแต่งหน้าจาก youtube.com ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

วิธีแต่งหน้าให้สวยใส "พร้อมคลิปวีดีโอสอนการแต่งหน้าให้สวยใส"


วิธีแต่งหน้าให้สวยใส "พร้อมคลิปวีดีโอสอนการแต่งหน้าให้สวยใส"

อีกหนึ่งเทรนด์วิธีแต่งหน้าให้สวยใสที่มาในสไตล์ดวงตาล่างหลากสีสันแต่เรียกได้ว่าเทรนด์ วิธีแต่งหน้าให้สวยใส นี้นับว่าเป็นการผสมผสานได้อย่างแม็ทและลงตัวมาก ๆ เลยค่ะ โทนสีชมพู โทนสีฟ้า แต่งในสไตล์ขอบตาล่างหลากสี และวันนี้เราก็ยังมาพร้อมกับคลิปวีดีโอสอนการแต่งหน้าให้สวยใสกันอีกเช่นเคย ซึ่งคุณผู้หญิงจะได้เห็นวิธีการแต่งหน้ากันเรียกได้ว่าครบทุกขั้นตอนและครบทุกเทคนิควิธีแต่งหน้าให้สวยใสเลยทีเดียวค่ะ วันนี้เราพร้อมแล้วนะที่จะสอนวิธีแต่งหน้าให้สวยใสแล้วคุณล่ะค่ะพร้อมแล้วรึยังเอ่ย ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มวิธีแต่งหน้าให้สวยใสกันเลยค่ะ


คลิปวีดีโอ วิธีแต่งหน้าให้สวยใส




เป็นยังไงกันบ้างค่ะกับวิธีแต่งหน้าให้สวยใสที่เรานำมาสอนกันในวันนี้ถูกใจคุณผู้หญิงที่ชอบเทรนด์การแต่งหน้าให้สวยแบบใหม่ ๆ กันบ้างรึเปล่าน๊า...แล้วคราวหน้าเราจะนำเทรนด์การแต่งหน้าแบบไหนมาสอนกันอีกก็อย่างลืมที่จะติดตามกันไปตลอดเลยนะค่ะ เราหวังว่าคลิปวิธีแต่งหน้าให้สวยใสที่เรานำมาสอนกันในวันนี้จะเป็นประโยชน์ในการแต่งหน้าของคุณผู้หญิงหลาย ๆ ท่านนะค่ะ

ขอขอบคุณคลิปวิดีโอจาก youtube.com ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

สูตรลับบอกลา "สิวอุดตัน"




6 สูตรลับบอกลา "สิวอุดตัน" หมดปัญหา "สิวอุดตัน" กวนใจ

1. ดื่มน้ำเยอะๆ ในแต่ละวัน เพราะน้ำจะช่วยล้างสารพิษในร่างกาย

2. ล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนทุกวัน และสครับหน้าเบาๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง 

3. อบไอน้ำผิวสัปดาห์ละครั้ง เพื่อเปิดรูขุมขนให้ไอน้ำเข้าไปทำความสะอาด

4. ใช้เปลือกส้มหรือเปลือกมะนาวสับสะเอียด ผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปพอกหน้าประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก เปลือกส้มและเปลือกมะนาวจะช่วยกำจัดสิวอุดตันออกไปจากใบหน้าได้ค่ะ
5. ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ชนิดออยล์ฟรีทาบนใบหน้า หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันทุกชนิด

6. ใช้น้ำผึ้งพอกหน้าให้ได้สัปดาห์ละ 4 ครั้ง และทุกครั้งที่พอกให้ใช้มือนวดหน้า 2-3 นาที ก่อนทิ้งไว้แล้วล้างออก

ขอขอบคุณข้อมูลการดูแลผิวสวยผิวขาวจาก lisa ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

บิ๊กอาย....แฟชั่นที่ควรระวัง


บิ๊กอาย....แฟชั่นที่ควรระวัง

การใส่คอนแทคเลนส์ในปัจจุบัน เราพบว่าไม่ใช่เพื่อการแก้ไขภาวะสายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง แต่กำลังเป็นแฟชั่นของบรรดาสาวๆ ในเอเชียที่หันมาใส่คอนแทคเลนส์สี หรือคอนแทคเลนส์ตาโต เพื่อความสวยงาม (Cosmetic contact lens) มากขึ้น
คอนแทคเลนส์ (Contact Lens) เป็นวัสดุที่มีลักษณะใส สำหรับใส่ครอบบริเวณกระจกตาดำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของลูกตา ดังนั้นการใส่คอนแทคเลนส์...ควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน เพื่อดูขนาดโค้งของเลนส์ที่ถูกต้องที่เหมาะกับตาของผู้ใส่ และมีข้อห้ามในการใช้สำหรับผู้ใส่หรือเปล่า



ทำความรู้จัก...คอนแทคเลนส์แฟชั่น

ในอดีตคอนแทคเลนส์สีอาจนำมาใช้ในการช่วยลดความรู้สึกด้อยของผู้ป่วยที่มี ปัญหากับกระจกตา เช่น ใส่ปกปิดกระจกตาที่เป็นแผลเป็นสีขาวให้เป็นสีดำ มองเห็นคล้ายกระจกตาและม่านตาคนปกติหรือใช้ในผู้ป่วยที่ไม่มีม่านตา ให้สามารถสู้แสงแดดได้มากขึ้น 

ในช่วงเวลา 5- 6 ปีที่ผ่านมา กระแสการใช้คอนแทคเลนส์สี เพื่อความสวยงามแพร่กระจายมาจากประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยอาจมีการระบายสีต่างๆ ลงบนผิวคอนแทคเลนส์ เช่น สีฟ้า สีเขียว หรือสีชมพู ให้เป็นรูปร่างคล้ายม่านตาหรือเป็นลวดลายต่างๆ ทำให้ใบหน้าดูแปลกตาขึ้นและเป็นจุดสนใจของผู้พบเห็น เป็นที่นิยมมากในหมู่วัยรุ่น

คอนแทคเลนส์สี VS คอนแทคเลนส์ตาโต

คอนแทคเลนส์ตาโต คือ คอนแทคเลนส์สีชนิดหนึ่ง ที่มีการนำมาวาดบนผิวคอนแทคเลนส์ให้มีลักษณะรูปร่างคล้ายม่านตา แต่จะมีขนาดวงของสีโตกว่าขนาดกระจกตาดำปกติ และสีที่ทำจากวัสดุที่ให้ความแวววาวของสีมากขึ้น ทำให้ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ตาโต ทำให้แลดูเหมือนกระจกตาดำมีสีสันสดใส และมีขนาดของดวงตาดำโตขึ้นแต่ไม่ทำให้เปลือกตาเปิดโตได้มากขึ้นแต่อย่างใด

อันตรายจากคอนแทคเลนส์แฟชั่น

ไม่ว่าจะคอนแทคเลนส์แฟชั่น หรือคอนแทคเลนส์ทั่วไปก็มีอันตรายต่อดวงตาทั้งนั้น เพราะอาจทำให้กระจกตาอักเสบเป็นหนองจากการใช้ที่ผิดวิธี การไม่รักษาความสะอาด หรือการใส่นอน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่บริเวณกระจกตาและอาจลุกลามจนถึงขั้น ตาบอดได้ นอกจากนั้นการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดภูมิแพ้ที่เปลือกตา (Giant papilla conjunctivitis) ทำให้เกิดการเคืองตา ตาแดง จนกระทั่งไม่สามารถทนการใส่คอนแทคเลนส์ได้

ส่วนอันตรายที่เพิ่มขึ้นจากการใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นนั้น เนื่องจากมีการขายกันอย่างแพร่หลาย ทำให้ไม่มีการควบคุมคุณภาพวัสดุและราคา บางรายอาจทำให้เกิดการแพ้วัสดุที่ทำคอนแทคเลนส์ หรือสีที่นำมาระบายบนผิวคอนแทคเลนส์ ผู้ที่สนใจใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นจึงควรระมัดระวัง และซื้อคอนแทคเลนส์จากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ ที่มีการรับรองคุณภาพมาตรฐาน และใช้เฉพาะในกรณีที่จำเป็น รวมทั้งศึกษาวิธีการใช้และวิธีรักษาความสะอาดอย่างถูกวิธีด้วย


ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้คอนแทคเลนส์

ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคภูมิแพ้, โรคไซนัส เพราะจะทำให้ใส่คอนแทคเลนส์ไม่สบายตาและไม่ชัดได้ รวมไปถึงผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ 
ผู้ที่มีสุขภาพตาไม่ดี เช่น ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ดวงตาบ่อย ๆ หรือผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้โดยเฉพาะภูมิแพ้ที่ดวงตา, เป็นต้อลม, ต้อเนื้อ, ตาแดง, กระจกตาไม่ไวต่อความรู้สึก, ตาแห้ง, กะพริบตาครึ่งตา 
ผู้ที่ทำงานที่มีมลภาวะ เช่น ฝุ่นละอองมาก, ลมพัดแรงไอระเหยสารเคมีที่มีความร้อนสูง มลภาวะดังกล่าวจะทำให้ความสบายตาลดลงขณะใส่คอนแทคเลนส์ หรือคอนแทคเลนส์มีอายุการใช้งานสั้นลง เป็นต้น

เด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ช่วยตัวเองไม่ได้ เพราะคอนแทคเลนส์จะเน้นเรื่องการดูแลรักษาทำความสะอาด ดังนั้นผู้ใช้จะต้องเข้าใจการใช้งานและข้อควรระวังในการใช้งานเป็นอย่างดี




ข้อควรระวังในการใช้คอนแทคเลนส์

ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์เกินวันละ 12 ชั่วโมง โดยในช่วงเวลาอื่นควรใส่แว่นแทนเนื่องจากหลังจากผ่านไป 12 ชั่วโมงจะเพิ่มโอกาสการติดเชื้อภายในดวงตา

ห้ามใส่คอนแทคเลนส์นอนโดยเด็ดขาด การใส่คอนแทคเลนส์นอนจะทำให้กีดขวางการไหลเวียนของน้ำตาภายในดวงตา จึงทำให้บริเวณกระจกตาได้รับออกซิเจนน้อยลงส่งผลให้ดวงตาขาดออกซิเจนได้

ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์ และดวงตา

ทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ และกล่องใส่คอนแทคเลนส์ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือน้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอและถูกต้องตามขั้นตอน และควรล้างคอนแทคเลนส์ทุกวัน ควรถูคอนแทคเลนส์ให้ทั่วด้วยปลายนิ้วประมาณ 10-20 ครั้ง การถูคอนแทคเลนส์จะช่วยลดการเกาะตัวของคราบโปรตีนและไขมันได้มากถึง 90-95% จึงช่วยให้คอนแทคเลนส์มีความใสและสบายตามากยิ่งขึ้นและยังช่วยลดโอกาสที่จะติดเชื้อภายในดวงตาได้อีกด้วย
อย่าใช้น้ำประปา น้ำบาดาล น้ำเกลือที่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ หรือน้ำลาย ในการล้างหรือทำความสะอาดคอนแทคเลนส์

อย่าใส่คอนแทคเลนส์ขณะว่ายน้ำ

อย่าใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับผู้อื่น

ควรเปลี่ยนคอนแทคเลนส์ตามระยะเวลาที่กำหนดสำหรับคอนแทคเลนส์ชนิดนั้นๆและหลีกเลี่ยงการใช้ยาหยอดตาที่ไม่ได้รับการแนะนำโดยจักษุแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญในขณะใส่คอนแทคเลนส์

ถ้ารู้สึกผิดปกติกับดวงตา เช่น ตาแดง เจ็บตา มีขี้ตา ตามัว ให้หยุดการใส่คอนแทคเลนส์โดยทันที ถ้าหลังหยุดพักการใส่คอนแทคเลนส์แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรไปปรึกษาแพทย์โดยทันที
การนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในดวงตาถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญที่บอบบางที่สุด หากเกิดปัญหาขึ้นกับดวงตา และไม่รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องอาจถึงขั้นตาบอดได้

ขอขอบคุณข้อมูลวิธีการดูแลสุขภาพจาก สุขกายสบายใจ ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต