27 มกราคม 2555

สูตรหน้าใสด้วยธรรมชาติ "ผิวหน้าเนียน กระชับ"

วันนี้เรามีเคล็ดลับเพื่อความงามมาเอาใจสาวๆ กันกับสูตรหน้าใสด้วยธรรมชาติสาวๆ ทั้งหลายก็ต้องอยากมีใบหน้าที่สวยงามเป็นธรรมดา แล้วก็ต่างพยามหาผลิตภัฑณ์ดีๆ มาบำรุงบำเริงหน้า แต่ก็ได้ผลเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่วันนี้สาวๆ ทั้งหลายจะหายกังวลได้อย่างแน่นอนเพราะว่าวันนี้เราได้นำเอา สูตรหน้าใสด้วยธรรมชาติ มาฝากสาวๆ ทั้งหลายที่กำลังอยากมีอาการหน้าสวย ดังนั้นต้องตั้งฟังทางนี้เลยนะค่ะ เพราะว่า สูตรหน้าใสด้วยธรรมชาติ ของเราในวันนี้คัดสรรและสกัดจากธรรมชาติโดยตรงเลยนะค่ะ ไม่ทำให้ระคายเคืองต่อผิวหน้าที่บอบบางของผู้หญิงอย่างเราๆ อีกด้วย และที่สำคัญ สูตรหน้าใสด้วยธรรมชาติ ยังเป็นวิธีการดูแลผิวหน้าที่ปลอดภัยและยังประหยัดอีกด้วย เอาเป็นว่าไม่อยากให้สาวๆ รอนานเราเข้าไปดูสูตรหน้าใสด้วยธรรมชาติกันเลยดีกว่านะค่ะ ว่าจะสามารถช่วยใสการดูแลรักษาใบหน้าของคุณได้ดีขนาดไหน





4 สูตรหน้าใสด้วยธรรมชาติ

1. เริ่มต้นด้วยการนวดเคลนเซอร์ชนิดครีมหรือน้ำนมลงบนผิวหน้าให้ทั่ว โดยนวดเป็นแนววงกลม

2. จากนั้นอบไอน้ำโดยเทน้ำเดือดลงในอ่างหรือชามแก้มคุณอาจเติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่คุณชอบลงไปซักสองสามหยดก็ได้ แล้วใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่คลุมศีรษะเอาไว้ในขณะที่ยื่นหน้าให้อยู่เหนือชามแก้มเป็นเวลา 10 นาที

3. ใช้ผ้าขนหนูสะอาดๆ ซับไอน้ำบนผิวหน้าออก แล้วทาครีมหรือโคลนพอกหน้าปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งเป็นเวลา 15 นาที

4. เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นก่อนจะตบท้ายด้วยน้ำเย็น เพื่อเป็นการปิดรูขุมขน จบด้วยการทาซีรั่มแล้วตามด้วยมอยสเจอไรเซอร์ตามปกติ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร? เรามี "สาเหตุการเกิดสิว" มาบอก!!!

วันนี้เรามีคำตอบที่หลาย ๆ คนสงสัยกันเหลือเกินว่าสิวเกิดขึ้นได้อย่างไร? และสาเหตุการเกิดสิวคืออะไรมาเฉลยกันค่ะ จะว่าไปแล้วสิวเม็ดเล็ก ๆ เพียงแค่เม็ดเดียวก็ทำให้คุณสาว ๆ ทั้งหลายถึงกับนอนไม่หลับกันเลยทีเดียวแต่พอจะหาต้นตอของปัญหาก็ทำเอาปวดหัวเลยแหละ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า สาเหตุการเกิดสิว มักจะเกิดจากสาเหตุที่เรานึกไม่ถึง ถ้าสาว ๆ คนไหนที่รู้คำตอบของคำถามยอดฮิตที่ว่า สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร? รับรองได้เลยว่าสิวที่เป็นเสมือนตัวปัญหาจะไม่มารังควานคุณอีกต่อไป วันนี้เราก็เลยนำเอา 10 สาเหตุการเกิดสิว มากฝากกันค่ะสาว ๆ คนไหนที่อยากรู้ว่า สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร? ต้องไม่พลาด 10 สาเหตุที่น่ารู้ของเราในวันนี้นะคะ ว่าแล้วเราก็ไปดู 10 สาเหตุการเกิดสิวและก็ไปหาคำตอบของคำถามยอดฮิตที่ว่า สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร? ว่าแล้วเราก็ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยดีกว่านะค่ะ




10 สาเหตุการเกิดสิว คำตอบของ สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร?


1. การทานอาหาร สาว ๆ หลายคนโปรดปรานการทานอาหารพวกแป้ง น้ำตาล และไขมันซะเหลือเกิน ซึ่งหากทานในปริมาณที่พอเหมาะก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากทานมากเกินไปนี่สิมันก็จะแสดงออกเป็นเม็ดสิวบนใบหน้าคุณได้ ดังนั้นหากเลี่ยงการทานของหวาน ๆ และมันในปริมาณมากได้ก็ควรเลี่ยงซะเลยค่ะ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชอบทานจังก์ฟู้ดซะเหลือเกิน แม้ว่าหน้าตาของขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ ที่คุณโปรดปรานจะดูปลอดภัยไร้ความมันแต่อย่าได้ไว้วางใจนะจ๊ะ รู้หรือไม่ว่าจังก์ฟู้ดส่วนใหญ่ผ่านกรรมวิธีทอดด้วยกันทั้งนั้น

2. บีบสิว มีสาว ๆ ไม่น้อยที่เกิดอาการคันไม้คันมือทุกครั้งที่สิวขึ้น หารู้ไม่ว่าทุกครั้งที่คุณบีบสิวมือที่บีบนวดลงบนใบหน้าคุณนั่นแหละจะยิ่งทำให้ความมันบนใบหน้าและฝุ่นละอองซึมลึกลงไปในรูขุมขนทำให้สิวเห่อขึ้นมากกว่าเดิมอีก

3. แบคทีเรีย เซลล์ผิวที่ตายแล้ว เมื่อมันหลุดลอกออกมาและเจอกับความมันบนใบหน้ามันก็จะกลายเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้โดยง่าย ดังนั้นควรรักษาความสะอาดใบหน้าให้ดี ๆ ค่ะ

4. ใช้วิตามินมากเกินไป โดยเฉพาะวิตามิน B1, B6 และ B12 เพราะวิตามินเหล่านี้หากได้รับเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปมันก็จะส่งผลให้เกิดสิวอย่างที่สาว ๆ ไม่คาดคิดมาก่อนเลยล่ะ

5. ปล่อยให้หน้ามันมากเกินไป ชนิดที่เยิ้มอยู่บนหน้าเลยทีเดียว โดยเฉพาะในวันที่อากาศแสนร้อนและคุณยังต้องเผชิญฝุ่นละอองอีก ความมันนี่แหละเป็นตัวดักจับสิ่งสกปรกให้มาอุดตันรูขุมขนชั้นดีเลยค่ะ



6. ขัดผิวแรงเกินไป เมื่อคุณล้างหน้าหากคุณขัดผิวหรือล้างหน้าแรง ๆ ก็จะทำให้ผิวบอบบางและเป็นสิวได้ง่ายคราวนี้พอเจออะไรนิดหน่อยสิวก็เห่อขึ้นมาไม่รู้ตัวแล้วค่ะ

7. ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่ถูกกับผิวหน้า เพราะผิวผู้หญิงไม่ได้แข็งแรงเท่ากับผิวผู้ชายนะคะ ดังนั้นแม้ว่าคุณจะใช้เครื่องสำอางได้หลากหลายแต่ก็อาจจะแพ้อะไรบางอย่างเอาได้ ดังนั้นก่อนที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทุกประเภทควรศึกษาให้ดีและทบทวนดี ๆ ว่า คุณเคยเกิดอาการระคายเคืองกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมประเภทเดียวกันมาก่อนหรือไม่

8. หมอนสกปรก เป็นตัวกักเก็บฝุ่นละอองและแบคทีเรียต่าง ๆ มากมายและขณะนอนหลับก็ไม่รู้ว่าคุณดิ้นเอาหน้าแนบหมอนไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ดังนั้น ซักปลอกหมอนให้บ่อย ๆ ได้ยิ่งดีจ้า

9. ล้างหน้าบ่อยเกินไป ยิ่งคุณล้างหน้าเอาความมันออกจากใบหน้ามากเท่าไหร่ผิวก็จะผลิตความมันเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น และแน่นอนมันทำให้เกิดสิวได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นควรล้างหน้าให้พอประมาณซึ่งจำนวนครั้งที่เหมาะสมคือ 2-3 ครั้งต่อวันเท่านั้นค่ะ

10. ผมสุดสกปรก สาว ๆ หลายคนกว่าจะสระผมทีก็ 2-3 วัน และนั่นทำให้ความมันและสิ่งสกปรกหมักหมมอยู่ในเรือนผม ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อผมของคุณสยายมาปิดหน้าตาแล้วล่ะก็สิวก็จะผุดขึ้นได้อย่างง่าย ๆ ไม่ต้องไปโทษใครเลยล่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

วิธีกําจัดขนหน้าแข้ง

คุณผู้หญิงท่านใดที่มีปัญหาเรื่องขนหน้าแข้งที่กวนใจฟังทางนี้เลยจ๊ะ เพราะว่าเรามีวิธีกําจัดขนหน้าแข้งมาฝากคุณผู้หญิงนะค่ะ ด้วย วิธีกําจัดขนหน้าแข้ง นี้จะช่วยให้คุณผู้หญิงที่มีความกังวลใจเรื่อง การอวดเรียวขาไม่ได้ก็เพราะเจ้าขนหน้าแข้งที่ทั้งยาว ดกดำ แถมยังหยิก อีกต่างหาก พอใส่กางเกงหรือกระโปรงก็โดนล้อหาว่าเป็นผู้ชายบ้างล่ะ หาว่าเป็นกระเทยบ้างล่ะ สุดแสนเซ็งจริงไหมค่ะ วันนี้เรามี 5 วิธีกำจัดขนหน้าแข้ง ซึ่งเป็นทางเลือกแบบง่าย ๆ ที่คุณผู้หญิงสามารถเลือกได้ตามความต้องการของคุณเองเลยค่ะ นั้นเรามาดู 5 วิธีกำจัดขนหน้าแข้ง กันเลยดีกว่าค่ะ




5 วิธีกําจัดขนหน้าแข้ง


1 วิธีการถอนขนหน้าแข้ง

วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีขนหน้าแข้งไม่เยอะแถมยังต้องใช้ความอดทนสูงเพราะจะเจ็บมากแต่ได้ผลดี และกว่าขนจะขึ้นมาใหม่ก็ใช้เวลานานทีเดียว


2. วิธีการขจัดขนด้วยครีม หรือ แว๊กซ์กำจัดขนหน้าแข้ง


ให้เลือกยี่ห้อที่ไว้ใจได้อย่าไปลองของที่ไม่มีคุณภาพเพราะอาจจะทำให้ขาเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง


3. วิธีการย้อมสีขนหน้าแข้ง


ให้เลือกสีที่เหมาะสมกับสีผิวอย่างสีผิวเอเชียก็ใช้สีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอ่อน


4. วิธีโกนขนหน้าแข้ง

วิธีนี้รวดเร็วแต่ต้องทำบ่อย ๆ เพราะถ้าทิ้งไว้นานขนจะขึ้นมาเป็นตอแข็ง ๆ


5. วิธีเลเซอร์ขนหน้าแข้ง
 

วิธีนี้จัดว่าเป็นวิธีที่ถาวรขนจะบางลงเรื่อย ๆ รวดเร็วแต่ต้องทำหลายครั้งแล้วแต่ความหนาของเส้นขนแต่ราคายังสูงอยู่

ถูกใจวิธีไหน ลองนำไปใช้กันดูได้






ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

นอนกรนทำอย่างไรดี? เรามี! วิธีแก้นอนกรน





5 วิธีแก้นอนกรน หมดคำถาม นอนกรนทำอย่างไรดี?

1. แนะนำให้นอนตะแคง

วิธีแก้นอนกรน นอนกรนทำอย่างไรดี

2. แผ่นแปะรั้งจมูก

วิธีแก้นอนกรน นอนกรนทำอย่างไรดี

3. ลองไปพบทันตแพทย์

วิธีแก้นอนกรน นอนกรนทำอย่างไรดี

4. หากกรนเสียงดังมาก

วิธีแก้นอนกรน นอนกรนทำอย่างไรดี

5. แต่ถ้าคนที่นอนข้างๆ คุณเป็นคนกรน แนะนำให้ปฏิบัติดังนี้

วิธีแก้นอนกรน นอนกรนทำอย่างไรดี


ขอขอบคุณข้อมูลการดูแลสุขภาพจาก คู่หูเดินทาง ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

"ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น" จำเป็นไหม?


"ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น" จำเป็นไหม?

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
ด้าน น.พ.เมธี พงษ์กิตติหล้า ผู้อำนวยการกองอนามัยเจริญพันธุ์ ให้รายละเอียดเชิงวิชาการว่า โดยปกติแล้วร่างกายของคนเรามีภาวะสมดุลอยู่ ช่องคลอดก็เช่นกันความจริงไม่ได้มีความสกปรกสักเท่าไร ชำระล้างปกติด้วยน้ำก็เพียงพอแล้ว เพราะการใช้สารเคมีไปชำระอาจทำให้เกิดเสียสมดุลแทนที่จะเป็นผลดีกลับทำให้เชื้อราเข้าไปในช่องคลอดส่งผลให้เกิดอาการคันหรือเกิดกลิ่นตามมาได้

นอกจากการใช้น้ำยาอนามัยแล้ว น.พ.เมธี ยังระบุด้วยว่า การกินยาแก้อักเสบเป็นประจำ เช่น ยารักษาสิว ฝ้า ผี หนอง และการตั้งครรภ์ ที่ส่งผลให้ภูมิต้านทานต่ำมีผลทำให้เชื้อจุลินทรีย์ปกติในช่องคลอดถูกทำลาย เชื้อราจะเข้าไปแทนที่ เช่นเดียวกับการใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด




ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ความสิ้นเปลืองที่ไม่จำเป็น

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
เช่นเดียวกับ พญ.สุวรรณา วรคามิน นักวิชาการสาธารณสุข 9 กรมอนามัย ที่เห็นว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ผู้หญิงจะต้องทำความสะอาดอย่างล้ำลึกถึงขั้นต้องใช้น้ำยาล้างช่องคลอดแบบชนิดจำเพาะเจาะจง โดยให้คำนึงถึงสิ่งที่ธรรมชาติให้มาภาวะสมดุลในร่างกายคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดน้ำหรือกระดาษอนามัยก็ไม่แนะนำให้ใช้ทั้งนั้น




ขอขอบคุณข้อมูลการดูแลสุขภาพจาก mcot ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

น่ารู้ โรค "เต้านมผิดปกติ"




8 โรค "เต้านมผิดปกติ"

1. เต้านมเกิน

การมีเต้านมเกินมักพบได้บริเวณรักแร้บางครั้งอาจพบหัวนมเกินร่วมด้วยซึ่งพบได้ตามแนวจากรักแร้ลงมาตามท้องถึงขาหนีบ ภาวะนี้จะเห็นเด่นชัดเมื่ออายุมากขึ้นหรือในช่วงตั้งครรภ์และมีลูกบางคนอาจมีน้ำนมไหลออกมาได้ จากการสังเกตจะพบเป็นก้อนเนื้อห้อยบริเวณรักแร้ภาวะนี้ไม่มีอันตรายใดๆ แต่เพื่อความสวยงามก็สามารถผ่าตัดออกได้

2. เต้านมโตไม่เท่ากัน

เต้านมคนเราสองข้างบางครั้งก็โตไม่เท่ากันได้แต่ส่วนใหญ่จะแตกต่างกันไม่มากนักความแน่นของเต้านมอาจไม่เท่ากันซึ่งเกิดได้เนื่องจากเนื้อเต้านมตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศได้ไม่เท่ากัน ถ้าหากความแตกต่างมากจนเห็นได้ชัดก็สามารถผ่าตัดแก้ไขได้การผ่าตัดสามารถทำการผ่าตัดลดขนาดเต้านมลงหรือผ่าเพื่อเสริมข้างที่เล็กให้ใหญ่ขึ้น


3. เต้านมโตเกิน

โรค เต้านมผิดปกติ

4. หัวนมบอด

โรค เต้านมผิดปกติ

5. การปวดเต้านมตามรอบเดือน

โรค เต้านมผิดปกติ

6. เนื้องอกชนิดธรรมดา หรือก้อนไฟโบรอะดีโนมา (Fibroadenoma)

ก้อนที่เต้านมนี้พบได้บ่อยในวัยรุ่นและเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเนื้องอกธรรมดา เนื้องอกชนิดนี้เกิดจากการกระตุ้นของฮอร์โมนเพศในช่วงที่มีการพัฒนาเต้านม ปกติก้อนจะมีขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร อาจพบว่าโตขึ้นได้ช้าๆ และไม่มีอาการเจ็บปวด ก้อนจะมีลักษณะกลมกลิ้งไปมาได้เวลาคลำ การพบเนื้องอกชนิดนี้ถ้าได้รับการตรวจวินิจฉัยที่แน่นอนแล้วอาจไม่มีความจำเป็นต้องผ่าตัดเอาก้อนออกเสมอไป เนื่องจากก้อนเนื้อนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นเนื้อร้ายในภายหลัง นอกจากนี้จากการศึกษายังพบว่า หนึ่งในสามของก้อนที่พบยุบฝ่อลงไปได้เอง อีกหนึ่งในสามจะโตขึ้นเรื่อยๆ และอีกส่วนหนึ่งจะมีขนาดคงที่ยกเว้นในกรณีที่ก้อนมีขนาดใหญ่กว่า 2 เซนติเมตร หรือมีขนาดโตขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม

7. ซีสต์หรือถุงน้ำที่เต้านม

เกิดขึ้นจากการกระตุ้นของฮอร์โมนเพราะในช่วงของรอบเดือนจะมีการสร้างสารน้ำต่างๆ ขึ้นในส่วนของเต้านมเมื่อมีการสร้างสารน้ำและการดูดกลับคืนไม่สมดุลกันก็จะเกิดเป็นถุงน้ำค้างอยู่ ซีสต์อาจจะมีขนาดโตขึ้นเล็กน้อยหรือหายไปได้เองตามช่วงต่างๆ ของรอบเดือน ซีสต์หรือถุงน้ำพบได้บ่อยขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นและอาจมีอาการปวดบริเวณก้อนร่วมด้วย สำหรับหลังวัยที่หมดประจำเดือนซีสต์จะค่อยๆ หายไปได้เอง แต่ถ้าพบอาการปวดร่วมด้วยหรือซีสต์มีขนาดใหญ่เพียงการใช้เข็มเจาะดูดน้ำออกก็เป็นการเพียงพอแล้ว ส่วนในกรณีน้ำที่ดูดออกมามีเลือดปนก็จะถูกส่งไปตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเซลล์ที่ผิดปกติร่วมอยู่ด้วย

8. มะเร็งเต้านม

มักจะพบมากในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันยังพบได้ในผู้ที่มีอายุน้อยลงเพิ่มมากขึ้น อาการที่พบได้บ่อยที่สุด คือ การคลำพบก้อนไม่มีอาการปวดหรือเจ็บหากตรวจพบมะเร็งได้ในระยะเริ่มแรกจะมีโอกาสหายขาดสูงมาก นอกจากนี้อาการผิดปกติอื่นๆ ที่อาจจะพบร่วมด้วย ได้แก่ การมีน้ำหรือเลือดออกจากหัวนม มีแผลที่ลานหัวนม หัวนมบุ๋ม ผิวหนังของเต้านมบวมหรือถูกดึงรั้ง ก้อนที่มีขนาดโตขึ้นและไม่เจ็บ ก้อนอาจคลำได้ไม่ชัดเจนหรือพบก้อนที่รักแร้ร่วมด้วย เป็นต้น
หากตรวจพบความผิดปรกติหรือโรคต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคเพิ่มเติมและทำการรักษาต่อไป แต่ทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงทุกคนคือ การรู้จักหมั่นตรวจสอบสภาพร่างกายและดูแลเต้านมของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
ขอขอบคุณข้อมูลวิธีการดูแลสุขภาพขาวจาก ชีวจิต ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

วิธีลดรอยคล้ำใต้ตา แบบง่ายๆ

วันนี้เรามีวิธีลดรอยคล้ำใต้ตาแบบง่ายๆ มาฝากคุณผู้หญิงค่ะ แต่หากจะใช้ วิธีลดรอยคล้ำใต้ตา อย่างได้ผลก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยนะค่ะ วิธีลดรอยคล้ำใต้ตา ถึงจะได้ผลจนถึงขีดสุดค่ะ ด้วย วิธีลดรอยคล้ำใต้ตา นี้จะเป็น วิธีลดรอยคล้ำใต้ตาแบบง่ายๆ ซึ่งขั้นตอนนั้นก็ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใดหากแต่มีเพียงบางข้อเท่านั้นที่คุณผู้หญิงอาจจะใจไม่แข็งพอ แต่ถ้าอยากสวยในไร้ความหมองคล้ำใต้ตาล่ะก็ต้องอดทนกันหน่อยนะค่ะ ฟังดูเหมือนวิธีลดรอยคล้ำใต้ตานี้จะยากอยู่สักหน่อย แต่อันที่จริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ




วิธีลดรอยคล้ำใต้ตา


1. ควรลดปริมาณการดื่มกาแฟ และไม่สูบบุหรี่


การรับประทานอาหารเผ็ด อาหารเค็มและการสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า การทานช็อคโกแล็ตพฤติกรรมหล่านี้จะทำให้การไหลเวียนเลือดไม่สมบูรณ์


2. การทำความสะอาดรอบดวงตา


รอบดวงตาควรได้รับการล้างทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้น้ำยาล้างทำความสะอาดที่มีคุณสมบัติในการล้างสิ่งสกปรกตกค้าง คราบไขมันได้สะอาดหมดจรดที่จากเกิดจากผลกระทบของลมและแสงแดด


3. พยายามอย่าเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ


ความเครียด การนอนหลับน้อย การพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ผิวมีการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น


4. ดูแลผิวบริเวณรอบดวงตาด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม


ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของวิตามินที่เหมาะสมเป็นประจำ จะสามารถคืนความกระจ่างใสแก่ดวงตาได้ง่ายขึ้น 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก สยามดารา ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

ทรงผมหวานๆ

ขอแนะนำอีกหนึ่งทรงผมหวานๆ สไตล์น่ารักแบบดูดีออกงานได้เลยนะเนี่ย สำหรับสไตล์ ทรงผมหวานๆ ทรงนี้ขอเน้นที่ความน่ารักและความหวานให้เหมาะกับ ทรงผมหวานๆ ทรงนี้กันเลยค่ะ เริ่มแรกของเริ่มด้วยที่ผูกผมสีหวานอย่างสีผมพูเนี่ยแหละค่ะ ต่อกันด้วยการรวบเกล้าผมแบบทรงผมวัยรุ่นที่ทันสมัยและอินเทรนด์กันเหลือเกินค่ะ จากนั้นขอตบเท้าด้วยการทำดัดลอนช่วยปลายผมของ แบบทรงผมหวานๆ ทรงนี้กันเลยเลย แถมอีกนิดด้วยสีสันการแต่งหน้าบวกกับการแต่งตัวทำให้ แบบทรงผมหวานๆ ทรงนี้เป็นอีกแบบทรงผมที่ดูลงตัวและสวยเลิศเป็นอย่างมากเลยทีเดียวค่ะ







Tip : ใครที่ชอบสไตล์ทรงผมหวานๆ แบบนี้กันอยู่แล้วก็ลองนำไปทำตามกันดูได้เลยนะจ๊ะ แต่ทว่าไปทำตามแบบทรงผมหวานๆ ทรงนี้กันมาแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างอย่าลืมเล่าสู่กันฟังบ้างนะจ๊ะ และขอบอกอีกนิดว่าแบบทรงผมหวานๆ ทรงนี้กำลังอินเทนด์และได้รับความนิยมมากมายเลยทีเดียวให้หมู่สาวๆ ฉะนั้นแล้วเมื่อคุณได้ลองทำตามแบบทรงผมหวานๆ ทรงนี้ก็เชื่อได้เลยค่ะว่าไม่ตกเทรนด์อย่างแน่นอนลองหาเครื่องประดับอย่างที่คาดผมมาเสริมแต่งด้วยแล้วยิ่งเดิ้นกันไปใหญ่เลยล่ะค่ะ

เทคนิค! วิธีการกินอาหารลดความอ้วน


35 วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

1. รับประทานผัก ผลไม้มากๆ

อย่าละเลยการรับประทานผัก ผลไม้ เด็ดขาดค่ะ เพราะ ผัก ผลไม้ มีทั้งเส้นใยและสารอาหารต่างๆ ที่ดีกับคุณสาวๆ แถมทานมากเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนด้วย

2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารทอดๆ และติดมัน

อาหารทอดๆ มาพร้อมกับน้ำมันที่จะมาทำให้คุณอวบอั๋นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับอาหารเนื้อสัตว์ติดมัน เช่น กุนเชียง หมูสามชั้นทอดกรอบ หนังไก่ กากหมู ถ้าไม่อยากอ้วน อดใจไว้ค่ะ

3. ทานดาร์กช็อกโกแลต

ใช่ค่ะคุณหูไม่ฝาดเรากำลังแนะนำให้คุณทานช็อกโกแลต แต่ไม่ใช่ว่าช็อกโกแลตทั่วๆ ไปก็ทานได้หรอกนะค่ะ ต้องเป็นดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้นถึงจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์และเป็นประโยชน์กับร่างกายของคุณสาวๆ

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

แทบจะทุกบทความ ที่แนะนำให้คุณดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อยวันละ 8-12 แก้ว เพราะน้ำจะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ จึงช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินให้คุณด้วย ซ้ำยังช่วยให้คุณอิ่มเร็วขึ้นด้วย หากคุณดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนทานอาหารทุกครั้ง แต่อย่าชะแว้บ! ไปมอง "น้ำอัดลม" หรือ "น้ำผลไม้" เชียว ยกเว้น "น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง" ที่เราแนะนำให้คุณดื่มได้

5. ดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้วหลังตื่นนอน

จำและทำให้เป็นนิสัยเพราะการดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว ทันทีหลังจากที่คุณเพิ่งตื่นนอนจะทำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังจะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายทั้งหนักทั้งเบาทำงานได้อย่างคล่องตัว

6. ทานอาหารเช้า

จำได้ไหมว่า อาหารเช้าคืออาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน ถ้าหากคุณสาวๆ พลาดอาหารเช้าในช่วงเวลา 6.00-10.00 น. ไปล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกหิวในมื้อต่อๆ ไปมากขึ้น ทีนี้ล่ะคุณอาจจะเผลอตัวเผลอใจสวาปามอาหารที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่ยั้งแล้วจะลดน้ำหนักได้อย่างไรล่ะจ๊ะ

7. กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน

การไดเอทไม่ได้สำคัญที่ว่าคุณทานอะไรเข้าไป แต่สำคัญที่ว่าทำไมคุณถึงทานเข้าไปต่างหาก ฉะนั้นแล้วหากใครชอบกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์เพียงเพื่ออยากทานสิ่งนั้นจงเปลี่ยนพฤติกรรมด่วนค่ะ ทานให้แต่พออิ่มจะดีกว่า และควรทานเมื่อเวลาที่หิวจริงๆ 

8. ออกกำลังกายสำคัญสุดๆ

แน่นอนว่าหนึ่งในวิธีที่คนทั่วโลกแนะนำก็คือ การออกกำลังกายนี่แหละเพราะมันจะช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่ในระยะยาวได้ แถมยังจะช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีให้กลายเป็นพลังงานได้คราวละมากด้วย หากคุณสาวๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอลองหาเวลาเดินวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน นอกจากคุณจะควบคุมน้ำหนักได้ดีแล้วยังจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงอีกด้วยล่ะ

9. หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไดเอท

เขาว่า "คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย" ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามาท้อแท้กับการไดเอทเพียงลำพังเลย ลองหาเพื่อนที่มีแนวคิดเดียวกันแล้วชวนมาลดความอ้วนด้วยกันดีกว่า เพราะการมีเพื่อนหัวอกเดียวกันจะทำให้คุณมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

10. อย่ากักตุนอาหารในตู้เย็น

สาวๆ มักจะชอบซื้ออะไรต่อมิอะไรมาเก็บไว้ในตู้เย็น อ้างว่า เตรียมไว้รับรองแขกบ้าง ไว้เลี้ยงเพื่อนบ้างล่ะ แต่สุดท้ายก็มักจะเหลือเต็มตู้เย็นจนคุณสาวๆ นั่นแหละต้องมาทานเอง เพราะฉะนั้นหากไม่อยากอ้วนกำจัดของกินในตู้เย็นโดยด่วน คุณจะได้ไม่เผลอหยิบติดมือมาทานได้ง่ายเกินไปนั่นเอง แต่ถ้าอยากจะมีอาหารติดในตู้เย็นแนะนำว่า ผักผลไม้และบรรดาอาหารเพื่อสุขภาพทั้งหลายจะเวิร์กที่สุดค่ะ




11. อย่ากินไป ดูทีวีไป

วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

12. ใส่ใจ "ข้าวกล้อง" กันให้มากขึ้น

วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

13. "น้ำตาล" และ "เกลือ" จอมวายร้าย

วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

14. ระวัง!!! สลัดน้ำข้น

วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

15. สรรหาจานสีเข้มๆ

วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

16. ใช้ภาชนะให้เล็กลง

วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

17. ลด ชา , กาแฟ , ครีมเทียม

วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

18. เคี้ยวช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

19. หลีกเลี่ยงไข่แดง ให้ทานไข่ขาว

วิธีการกินอาหารลดความอ้วน

20. อย่าให้รางวัลตัวเองด้วยการไปทานอาหาร

สอบผ่าน! โปรเจกท์ผ่าน! พรีเซนต์งานผ่าน! ไปฉลองกันดีกว่า!!! หยุดความคิดนี้เลยค่ะ เพราะการที่คุณให้รางวัลกับความสำเร็จของตัวเองด้วยการไปรับประทานอาหารตามใจปากอาจทำให้คุณอ้วนได้เหมือนกัน ทางที่ดีให้รางวัลกับตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ตัวเองปรารถนา ยกเว้นเรื่องกิน!!! เช่น ไปช้อปปิ้ง ไปเที่ยวพักผ่อน นวดหน้า ทำผม ขัดผิว ฯลฯ จะดีที่สุดค่ะ




21. จำไว้อย่าอด

ใช่ว่าการไดเอทคือการอดอาหาร เพราะยิ่งคุณอดอาหารเท่าไหร่จะมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด แถมยังทำให้คุณหิวมากขึ้นมากขึ้นจนทำให้คุณสามารถทานได้มากกว่าปกติในมื้อต่อไป

22. แบ่งทานบางส่วนไม่ต้องทานให้หมด

สาวๆ หลายคนบ่นเสียดายอาหารที่อยู่ตรงหน้าไม่อยากเหลือทิ้งไว้ แต่สำหรับกฎเกณฑ์ของการลดความอ้วนคุณไม่จำเป็นต้องทานหมดหรอกค่ะ โดยคุณควรจะแบ่งอาหารในจานไว้ 4 ส่วน แล้วทานเพียงแค่ 3 ส่วนก็เพียงพอแล้ว

23. อย่าทานอะไรหลังมื้อเย็นอีก

ไม่ดีแน่หากคุณทานขนมหรืออาหารอะไรหลังจากคุณทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ทางที่ดีคือควรจะให้ร่างกายได้พักผ่อนจากการย่อยอาหารแล้วไปเริ่มทำงานใหม่ในมื้อเช้าของวันรุ่งขึ้นจะดีกว่า

24. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะว่า หากคุณพักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพออาจจะมีผลกระทบต่อฮอร์โมนเลปตินซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร ดังนั้น อาจทำให้คุณยับยั้งชั่งใจในการรับประทานไม่อยู่และอ้วนขึ้นได้ นอกจากนี้หากคุณนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วก็สามารถช่วยให้ร่างกายกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้เช่นกัน

25. ทานหลายๆ มื้อเล็กๆ ในหนึ่งวัน

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การทานอาหาร 4-5 มื้อเล็กๆ ในแต่ละวัน จะช่วยควบคุมระบบการเผาผลาญและความอยากอาหารได้ดีกว่าการทานอาหารมื้อปกติ 3 มื้อ โดยระหว่างมื้ออาหารคุณอาจทานสแน็กหรือผลไม้เพื่อให้คุณอิ่ม และไม่หิวมากจนกระทั่งถึงมื้อต่อไป ทีนี้ในมื้อต่อไปคุณก็จะทานอาหารได้น้อยลงแล้ว

26. โปรตีนตัวช่วยลดความอ้วนในทุกๆ มื้อ

มีคำแนะนำให้ในแต่ละมื้ออาหารต้องมีอาหารประเภทโปรตีนผสมด้วย เพราะโปรตีนจะช่วยคงสภาพกล้ามเนื้อและกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น โดยโปรตีนที่แนะนำก็คือ อาหารจำพวกถั่ว นม โยเกิร์ตนั่นเอง

27. เผ็ดหน่อยอร่อยดี

การศึกษาพบว่า "พริก" ช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายและช่วยในการเผาผลาญจึงมีประโยชน์เรื่องการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้การกินพริกจะไม่ทำให้รู้สึกอยากกินหวานอีก รับรองว่า กินพริกแล้วลืมเรื่องความอ้วนไปได้เลย

28. ดื่มชาเขียว

มหาวิทยาลัยสวิสเซอร์แลนด์พบว่า การดื่มชาเขียวเป็นทางหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนักเพราะจะช่วยเรื่องการเผาผลาญแคลอรี่ได้ ดังนั้นควรพยายามดื่ม 3 ถ้วยต่อวัน แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า ต้องเป็นชาเขียวบริสุทธิ์จริงๆ ไม่ใช่ชาเขียวในขวดที่มีส่วนผสมของน้ำตาลในปริมาณมากแบบนี้ลดความอ้วนไม่ได้แน่นอนค่ะ

29. ดื่มนมก็ช่วยลดความอ้วน

หากไม่ชอบดื่มชาเขียวจะลองหันมาดื่มนมก็ช่วยลดความอ้วนได้เพราะนมเป็นแหล่งอุดมไปด้วยแคลเซียมซึ่งมีการศึกษาพบว่า การที่ร่างกายได้รับวิตามินดีและแคลเซียมสูงจะช่วยให้น้ำหนักของเราลดลงได้แถมนมยังทำให้เรารู้สึกอิ่มจนไม่อยากทานอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรที่มีน้ำตาลด้วย

30. อ่านฉลากรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ด้วยล่ะ

ก่อนซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มลองอ่านรายละเอียดที่ติดอยู่ข้างผลิตภัณฑ์ หีบห่อ ฯลฯ ดูก่อนทุกครั้ง เพราะมันจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีแคลอรีสูงหรือไขมันสูงได้ แต่ขอย้ำว่ายามใดที่ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตควรหลีกเลี่ยงการไปเดินในบริเวณที่ขายคุ้กกี้ พิซซ่าแช่แข็ง และไอศกรีม เพราะคุณอาจจะไม่ทันได้อ่านฉลากข้างกล่องก็ซื้อมันได้ง่ายๆ เพราะติดใจในความอร่อยของมันนั่นเอง

31. จดบันทึกประจำวันให้เป็นนิสัย

แต่ละวันคุณกินอะไรไปบ้างลองจดบันทึกไว้ทุกๆ สัปดาห์ดูสิ เพราะมันจะช่วยให้คุณยับยั้งชั่งใจและควบคุมพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้ดีเลยทีเดียว

32. ทานผลไม้สดดีกว่าผลไม้ดองหรือน้ำผลไม้ปั่น

น้ำผลไม้ปั่นมักผสมน้ำเชื่อม น้ำตาล ทำให้คุณสาวๆ ได้รับน้ำตาลเกินความจำเป็น ขณะเดียวกัน ผลไม้ดอง ก็อาจมีสารแซคคารีนหรือที่เรียกว่าขัณฑสกรผสมอยู่ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้วิตามินที่ครบถ้วน เลือกทานผลไม้สดดีกว่าแน่นอนค่ะ

33. ความเครียด คือ จุดอ่อน

รู้ไหมคะว่าเมื่อฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้นก็ทำให้ความต้องการอาหารในร่างกายเพิ่มขึ้นหรือทำให้หิวนั่นเองแถมหิวบ่อยชนิดที่ไม่รู้ตัวเลยด้วย เพราะคนเครียดส่วนใหญ่มักจะจมอยู่กับความเครียดจนลืมสังเกตพฤติกรรมารกินของตัวเอง ดังนั้นทำตัวเองให้ห่างไกลจากความเครียดเถอะค่ะ

34. หัวเราะช่วยลดความอ้วน

งานวิจัยระบุว่า การหัวเราะจะทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นขณะเราหัวเราะจะหายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้มากขึ้นทำให้กล้ามเนื้อท้องได้ออกกำลังไปในตัว

35. ชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละครั้ง

ไม่จำเป็นที่คุณจะรีบร้อนชั่งน้ำหนักตัวทุกๆ วัน เพราะหากคุณลดไม่ได้ดังใจปรารถนาแล้วจะยิ่งทำให้คุณเครียดเสียเปล่าๆ เพราะฉะนั้น ชั่งน้ำหนัก และเปลือยกายสำรวจตัวเองในห้องน้ำอาทิตย์ละครั้งก็เพียงพอแล้วล่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลวิธีลดความอ้วนจาก คู่สร้างคู่สม ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต

4 จุด ที่สาวๆ ควรระวังในการแต่งหน้า

การแต่งหน้าทำให้สาวๆดูดีขึ้น แต่ทุกคนใช่ว่าจะแต่งหน้าเป็นตั้งแต่เกิด ดังนั้น ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จึงเกิดขึ้นได้เสมอ ขนาดซุป'ตาร์ ซึ่งปกติจะเนี้ยบเสมอเมื่อออกสื่อยังเคยพลาด และความผิดพลาดบางอย่างก็เป็นสิ่งที่เล็กน้อยมาก แต่กลับทำให้สาวๆ ดูแย่แบบที่ว่าไม่แต่งหน้ายังดูดีซะกว่า !!
สำหรับสาวๆ ที่พักผ่อนน้อย การทาคอนซีลเลอร์เพื่อกลบรอยดำใต้ตาแบบหมีแพนด้า เป็นการปกปิดหลักฐานความอ่อนล้าอย่างดีเยี่ยม แต่ถ้าใช้คอนซีลเลอร์ที่สีไม่เนียนหรือทาไม่เนียน ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แค่เปลี่ยนสีใต้ตาจากดำคล้ำมาเป็นขาวสว่างเท่านั้น


          ดังนั้น สีของคอนซีลเลอร์ต้องแมทช์กับสีผิว การใช้คอลซีลเลอร์ที่สีสว่างกว่าใบหน้าหนึ่งถึงสองเฉดจะทำให้ใบหน้าดูสดใส แต่ถ้าสว่างกว่านั้น แทนที่จะช่วยให้ใบหน้าดูสว่างกลับจะยิ่งเน้นจุดบกพร่องมากกว่า สาวๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเลือกคอนซีลเลอร์สีไหนดีควรให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยเลือกคอนซีลเลอร์ที่เหมาะกับสีผิวให้





ข้อสำคัญ คือ คอนซีลเลอร์ที่ใช้ใต้ตากับที่ใช้บริเวณส่วนอื่นบนใบหน้าควรจะมี สีที่ต่างกันไม่เกิน 2 เฉด และช่างแต่งหน้ามืออาชีพจะเลือกใช้สีพีชหรือสีเหลืองอมชมพู

       จุดที่สาวๆ อาจพลาดไปก็คือแต่งหน้าออกมาแล้ว "หน้ามัน" เหมือนทาหน้าด้วยน้ำมันทอดไข่เจียว ซึ่งเกิดจากการใช้ครีมรองพื้นที่มีส่วนผสมของมอยเจอไรเซอร์ เมื่อไปเจอกับอากาศร้อนซึ่งทำให้ใบหน้าหลั่งน้ำมันออกมา จึงทำให้หน้าดูมันเยิ้ม แทนที่ใบหน้าจะสว่างใสและดูGold กลับออกมาดู Low แทน

          วิธีป้องกัน คือ 
ถ้าหน้ามันมากๆ ควรใช้ครีมรองพื้นเนื้อแมทช์หรือหากผิวแห้งก็เลือกรองพื้นชนิดที่ให้ความ ชุ่มชื้นต่อผิวแต่ไม่ดูมัน ปิดท้ายด้วยการตบแป้งฝุ่น และเติมแป้งระหว่างวัน

       ส่วนความผิดพลาดอีกอย่าง คือ ตบแป้งมากเกินไปจนเป็นคราบขาวบนใบหน้า อันเกิดจากการแต่งหน้าอย่างรีบเร่ง หรือแต่งหน้าในที่ๆ มีแสงน้อยจนมองไม่เห็นว่าตบแป้งไม่เนียนติดผิว

          ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็แสนง่าย เพียงรอให้ครีมต่างๆ ซึมลงไปสู่ผิวให้ดีก่อนจึงแต่งหน้าหรือซับน้ำมันออกจากหน้าให้หมดก่อนจะลง แป้ง แป้งจะได้ไม่เกาะเป็นกระจุก และแต่งหน้าในแสงธรรมชาติ ปัญหาการทาแป้งขาวเกินไปหรือไม่เนียนเรียบก็จะหมดไป

          อีกวิธีคือเลือกใช้แป้ง ในโทนสีเหลืองเล็กน้อย แป้งจะเบลนด์เข้ากับสีผิวได้ดีกว่า และค่อยๆ ทาแป้งลงบนใบหน้าด้วยแปรงขนนุ่ม ปัดทีละน้อยให้ทั่วทั้งใบหน้าถ้าแป้งยังดูหนาอยู่หรือไม่กลมกลืนกับผิว แสดงว่าใช้แป้งที่ไม่เข้ากับเฉดสีผิวหรือทาแป้งไม่ถูกวิธี

       ส่วนการแต่งหน้าอีกหนึ่งขั้นตอนที่อาจเกิดความผิดพลาดได้ง่ายคือการปัดแก้ม แม้การปัดแก้มจะช่วยเพิ่มสีสันให้ใบหน้าและทำให้หน้าดูมีมิติมากขึ้น แต่การปัดแก้มสีจัดเกินไปอาจทำให้ผู้พบเห็นสับสนว่า นี่ปัดแก้มหรือโดนตบมากันแน่

         วิธีการปัดแก้มที่ปลอดภัยคือ
 ให้ปัดแปรงที่บลัชออน จากนั้นปัดแปรงบริเวณข้อมือก่อนเพื่อขจัดเม็ดสีที่เยอะเกินไปแล้วจึงปัดแก้ม แต่หากพลาดปัดแก้มเข้มเกินไป ก็แก้ไขได้โดยใช้แป้งฝุ่นปัดทับ

ลดหน้าบวมตอนเช้าด้วยแตงกวา

หากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แล้วคุณผู้หญิงต้องประสบกับปัญหาหน้าบวมแล้วละก็ ขอบอกได้เลยไม่ต้องตกใจหรือกังวัลอีกต่อไป เพราะวีซ่ามีวิธีแก้ไขปัญหาหน้าบวมมาฝากกันค่ะ






ปัญหาอาการหน้าบวมตอนตื่นนอนนั้นเกิดจาก ผลมาจากการทำงานของต่อมน้ำเหลืองที่ยังไม่ตื่นตัวพร้อมทำหน้าที่ดีในตอนเช้าๆ วิธีแก้ไขอาการหน้าบวมที่ดีนั้น คุณผู้หญิงควรกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองด้วยออกกำลังกายใบหน้าด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

1. ขยิบตาประมาณ 20 ครั้ง

2. แตงกวาที่แช่เย็น มาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำมาวางไว้บนใบหน้าและดวงตา ทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที เพียงเท่านี้ ใบหน้าและดวงตาที่แสนบวมเป่งในตอนเช้าก็จะค่อยๆ บวมน้อยลงแล้วละคะ

3. นวดหน้าระหว่างการล้างหน้าในตอนเช้า โดยใช้ปลายนิ้ว นวดที่แก้มไล้ไปจนถึงคางเป็นวงกลมเบาๆ นวดไล่ไปตั้งแต่ปลายคาง แก้ม และหน้าผาก แล้วขั้นตอนสุดท้ายให้ใช้นิ้วนางนวดรอบ ๆดวงตาเป็นการปิดท้าย เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนรอบดวงตา
 
ด้วยวิธีเหล่านี้ที่เรานำมาแนะนำ หากทำเป็นประจำทุกวันเมื่อมีอาการหน้าบวมแล้วละก็ คุณผู้หญิงก็ไม่ต้องกังวลกับปัญหาหน้าบวมในตอนเช้าอีกต่อไปแล้วละคะ

23 มกราคม 2555

เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์ แบบเจล และ แบบดินสอ "พร้อมคลิปวีดีโอสอนวิธีการเขียนอายไลเนอร์"

เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบเจลและแบบดินสอกันค่ะ สำหรับสอง เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์ แบบเจลและแบบดินสอนี้จะเป็น เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์ แบบไล่ระดับซึ่งจะช่วยเพิ่มความแตกต่างในการแต่งหน้าที่ดูแปลกใหม่และสร้างความเป็นธรรมชาติที่แลดูกลมกลึงให้กับเทรนด์การแต่งหน้าของคุณมากยิ่งค่ะ สำหรับ เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบเจล และ เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบดินสอน ทั้งสองแบบนี้คงจะไม่ทำให้ดวงตาคู่งามของคุณต้องผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ คุณพร้อมกับ เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบเจล และ เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบดินสอน กันรึยังเอ่ยนั้นเรามาเรียนไปพร้อมกันเลยกับคลิปวีดีโอสอนวิธีการเขียนอายไลเนอร์ค่ะ


คลิปวีดีโอ เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์




เป็นไงกันบ้างค่ะกับเทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบเจลและเทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบดินสอนที่ 108 beauty นำมาฝากกันในวันนี้ ที่สำคัญยังเป็น เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบเกาหลี อีกด้วย ซึ่งเทรนด์แฟชั่นการแต่งหน้าแบบเกาหลีนี้ถือได้ว่าเป็นที่ตอบรับอย่างมากเลยทีสำหรับผู้หญิงไทยอย่างเราจริงไหมค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนคงจะสนุกกับการเรียนรู้เทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบใหม่ๆ ในวันนี้นะค่ะ และ 108 beauty ก็ยังหวังอีกว่าคลิปวีดีโอสอนวิธีการเขียนอายไลเนอร์ในวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้หญิงหลายๆ ท่านที่กำลังฝึกหัดและกับหาแนวทางใหม่อยู่ค่ะ

แต่งหน้าไปเที่ยว สวยๆ "พร้อมคลิปวีดีโอสอนวิธีการแต่งวิธีการแต่งหน้าไปเที่ยว"

นอกจากคุณผู้หญิงจะได้เห็นวิธีการรีวิวเครื่องสำอางค์เกาหลีกันแล้วคุณผู้หญิงก็ยังจะได้เรียนรู้ขั้นตอนวิธีการแต่งหน้าไปเที่ยวแบบจะๆ รวมถึงเทคนิควิธีการแต่งหน้าไปเที่ยวอย่างชัดเจนกันเลยที นั้นคุณผู้หญิงชาว 108 beauty มาเริ่มเรียนวิธีการแต่งวิธีการแต่งหน้าไปเที่ยวไปพร้อมๆ กับคลิปวีดีโอสอนวิธีการแต่งวิธีการแต่งหน้าไปเที่ยวกันเลยดีกว่าค่ะ


คลิปวีดีโอ แต่งหน้าไปเที่ยว




เป็นไงกันบ้างค่ะกับเทรนด์แต่งหน้าไปเที่ยวสไตล์เกาหลีที่นำมาฝากคุณผู้หญิงชาว 108 beauty หวังว่าคงเป็นที่ถูกอกถูกใจคุณผู้หญิงไม่มากก็น้อยนะค่ะ 108 beauty ยังมีการสอนวิธีการแต่งหน้าอีกมากมายที่จะนำมาฝากคุณผู้หญิงชาว 108 beauty ฉะนั้นแล้วคุณผู้หญิงอย่าลืมโปรดติดตามว่า 108 beauty จะนำเทรนด์การแต่งหน้าแบบไหนวิธีใดมาสอนกันอีกนะจ๊ะ แล้วหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคลิปวีดีโอสอนวิธีการแต่งที่นำมาฝากคุณผู้หญิงในวันนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณผู้หญิงชาว 108 beauty ที่ทั้งยังแต่งหน้าไม่ค่อยจะเป็นและคุณผู้หญิงที่กำลังมองหาเทรนด์แต่งหน้าแบบใหม่ๆ กันอีกด้วยนะค่ะ

ขอขอบคุณคลิปวีดีโอการแต่งหน้าจาก youtube.com ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต